วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2558

สู้เพื่อแม่


 เรียงความเรื่องแม่ 

             เรียงความเรื่อง "แม่ของแผ่นดิน" โดย นางสาวรุ่งนภา ธูปหอม ม.4/1 โรงเรียนนาโบสถ์พิทยาคม อ.วังเจ้า จ.ตาก ได้รางวัลชนะเลิศการประกวดเรียงความ ในงานคอนเสิร์ตรักชาติ วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2552 ณ หอประชุมโรงเรียนผดุงปัญญา



             แม่คนหนึ่งรักและเลี้ยงดูลูกได้สักกี่คน คำตอบก็คือ ถ้าเป็นลูกของแม่แล้วไม่ว่ากี่คนแม่ก็มีความรักความห่วงใย ความปรารถนาดีให้แก่ลูก ๆ ทุกคนอย่างไม่เอียงเอน พร้อมที่จะเลี้ยงดูลูกเสมอไม่ว่าลูกจะสูงต่ำดำขาว โง่เขลาหรือเฉลียวฉลาด และไม่ว่าลูกจะเติบโตขึ้นเพียงใด แม่ก็ยังคงคอยมองดูและคอยประคับประคองเมื่อลูกก้าวพลาดเสมอ



             โดยทั่วไปแล้ว แม่ธรรมดาคนหนึ่งมีลูกไม่กี่คน อย่างมากก็สิบกว่าคนเท่านั้น แต่เชื่อไหมว่ามีแม่คนหนึ่งที่เลี้ยงลูกได้หลายสิบล้านคนได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง มอบความรัก ความห่วงใย ความเสมอภาคเท่าเทียมและความปรารถนาดีแก่ลูกของแม่ทุก ๆ คน แม่คนนี้รักลูกทุกเพศ ทุกวัย ทุกฐานะ ทุกอาชีพ แม่ชื่นชมกับความสำเร็จที่ลูกหลาย ๆ คนได้รับ คอยเฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ ดูด้วยความปิติยินดี แววตาของแม่เปี่ยมไปด้วยความรักความเอื้ออาทร  เป็นรักที่บริสุทธิ์อย่างถ่องแท้ และเมื่อใดที่ลูกของแม่คนไหนได้รับความทุกข์ความยากลำบาก มีหรือที่แม่นี้จะทนอยู่ได้อย่างเฉยชา เมื่อลูกทุกข์  แม่ก็ทุกข์ด้วย แม่จึงต้องตระเวนไปตามสถานที่ต่าง ๆ ของ "บ้านหลังใหญ่" หลังนี้ให้ทั่วเพื่อดูแลความเป็นอยู่ของลูก หลายครั้งแม่ก็ทำหน้าที่เป็นแม่บุญธรรมรับเลี้ยงลูกของเพื่อนบ้านที่หนีร้อนมาพึ่งเย็น แม่คนนี้ก็ดูแลลูกบุญธรรมเป็นอย่างดี อุปการะไว้จนเห็นบ้านของเขาสงบดีแล้วจึงจะส่งลูกกลับไป 



             แม่คนนี้จะเป็นใครไม่ได้เลยนอกจาก "สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ" พระผู้ทรงเป็น "แม่ของแผ่นดิน" แม่ที่เป็นคู่พระบารมีของพ่อนับตั้งแต่ที่พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งเป็นสมเด็จพระราชินี พระเมตตาของพระองค์ก็ได้แผ่ปกเกล้าเหล่าพระสกนิกรชาวไทยได้อย่างไม่เคยขาด  พระองค์ทรงมอบความรัก ความเมตตาให้กับราษฎรของพระองค์ทุก ๆ คน ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการได้อย่างครบถ้วนอย่างที่แม่คนหนึ่งพึงจะปฏิบัติต่อลูก พระองค์ทรงเสด็จไปเยี่ยมราษฎรทั่วผืนแผ่นดินไทย พสกนิกรชาวไทยทุกคนจึงศรัทธาในสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างลึกซึ้ง  และตอบกลับความรักนั้นไว้ในพระราชหฤทัยและสนองตอบอันเป็นความรักอันบริสุทธิ์กว้างใหญ่ไพศาล มอบแก่ลูก ๆ ทุกคนของพระองค์



             "จับมือลูกเรียนเขียน ก. ไก่    สอนให้ลูกเป็นคนดีมีเหตุผล
             จากนั้นลูกของแม่แต่ละคน    จึงรวมตนเป็นชาติที่มีวัฒนธรรม"



             สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจใหญ่น้อยนานัปการได้อย่างดียิ่งโดยมีเวลา ความศรัทธาและความจงรักภักดีของพสกนิกรไทยเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า พระองค์ทรงปฏิบัติได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง พระองค์ทรงขึ้นเขาลงห้วยไปหาทวยราษฎร์ด้วยพระราชหฤทัยที่มุ่งมั่นในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้พสกนิกรที่ทรงเห็นว่ามีความอดอยากยากแค้น ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปา ไม่มีอาหารกินให้อิ่มท้อง พระแม่ของคนไทยทรงทักถามความยากลำบากต่าง ๆ และรีบเร่งให้ความช่วยเหลืออย่างไม่รอช้า เมื่อลูกป่วยแม่ก็พาหมอมาให้ ลูกไม่ได้เรียนหนังสือแม่ก็ส่งเสียให้เรียน ท้องที่กันดารไม่มีครูแม่ก็หาครูมาสอน หรือแม้แต่ลูกไม่มีงานทำ แม่ก็หางานให้โดยทรงเลือกหัตถกรรมให้เป็นอาชีพเสริมการเกษตร ให้โอกาสแก่คนพิการ คนว่างงาน ชาวไทยภูเขาเผ่าต่าง ๆ โดยไม่แบ่งชนชาติไม่แบ่งชั้นวรรณะ และด้วยความเชื่อว่าลูกของแม่เป็นคนไทยที่มีสายเลือดของความเป็นช่างอยู่ทุกคน หากฝึกฝนให้มากขึ้นก็สามารถสร้างผลงานออกมาได้อย่างวิจิตรงดงามเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวโลก  ภายใต้กำลังใจที่แม่มอบให้ แม่ไม้ต้องการให้ลูก ๆ ของแม่เอาแต่พึ่งพาคนอื่น แม่ต้องการให้ลูก ๆ อยู่ได้ด้วยตนเอง โดยแม่เป็นเพียงผู้ชี้ทางสว่างให้  เป็นผู้สั่งสอนอบรมและมอบความรู้ต่าง ๆ ให้แก่ลูก ด้วยหวังให้ลูกสามารถอยู่ร่วมกันได้เป็นและเป็นกำลังที่ยอดเยี่ยมของประเทศชาติต่อไป



             ศูนย์ศิลปาชีพเป็นเพียงหนึ่งสิ่งที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงจัดตั้ง เพื่อสร้างงานสร้างรายได้ให้แก่ราษฎร เหมือนกับการให้ชีวิตใหม่แก่ราษฎรที่กำลังประสบความทุกข์ยาก แต่ทว่าพระองค์มิได้ทรงทำเพียงเท่านั้นพระองค์ยังทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจอันใหญ่หลวงอีกนานัปการ อาทิด้านการศึกษาพระองค์ทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นทุนให้เยาวชนศึกษาเล่าเรียนตามกำลังความสามารถ จัดตั้งโครงการศาลาร่วมใจซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ด้วยตนเองของราษฎรตามท้องถิ่นต่าง ๆ ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ทรงจัดตั้งโครงการสวนสัตว์ป่าเปิดภูเขียวตามพระราชดำริ โครงการอนุรักษ์พันธ์เต่าทะเล ศูนย์เพาะเลี้ยงและขยายพันธ์สัตว์ป่า โครงการป่ารักน้ำที่พระองค์ทรงตระหนักเห็นความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง  



             ดังพระราชดำรัสที่ว่า "ข้าพเจ้าอาจจะได้ทำหน้าที่เพื่อประชาชนมาแล้วหลายอย่าง แต่ข้าพเจ้าไม่สามารถทำให้ประชาชนตระหนักถึงคุณค่าของการรักษาป่า ว่าป่านี้ได้ช่วยพิทักษ์น้ำและเก็บน้ำไว้ในดินเพื่อเรา ก็เหมือนกับข้าพเจ้ายังทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์"  



             ด้านการศาสนา พระองค์ทรงศรัทธาอุปถัมภ์บำรุงพระบวรพุทธศาสนา ทรงปฏิบัติตนตามแบบอย่างของชาวพุทธอันเป็นแบบอย่างที่ดีและมีค่ามากกว่าคำสอน ส่วนพระราชกรณียกิจด้านสาธารณสุข ทรงจัดตั้งสภากาชาดตามจังหวัดต่าง ๆ ทรงรับคนไข้ผู้ยากไร้ไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และพระราชภารกิจอื่น ๆ อีกมากมายที่แม่คนหนึ่งมอบให้แก่ลูกของแม่หลายสิบล้านคน



             แม่มีบทบาทสำคัญในการที่จะทำให้  "บ้านหลังใหญ่" หลังนี้เป็นที่พักพิงทางกายใจอันอบอุ่นและสุขสบายของลูก ๆ ทุกคน โดยจะเห็นได้ว่าทุกคราวที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถเสด็จไปทรงเยี่ยมเหล่าพสกนิกรตามสถานที่ต่าง ๆ ราษฎรจะยอมเดินทางมาไกลหลายสิบหลายร้อยกิโลเมตรและยินดีที่จะรอคอยเพื่อเข้าเฝ้าพระองค์ตั้งแต่เช้า โดยไม่สนใจต่อสภาพภูมิอากาศว่าร้อนหรือหนาวเพียงใด ไม่สนใจว่าพระองค์จะเสด็จมาถึงเมื่อไหร่ เพียงแค่ได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์เพียงชั่วขณะเดียว ได้ยินพระสุรเสียงอันอ่อนโยนที่พระองค์รับสั่งถามว่า "มาคอยนานไหมจ๊ะ" เพียงประโยคเดียวก็ถึงกับทำให้น้ำตาของหลาย ๆ คนไหลอาบแก้มด้วยความตื้นตัน พระองค์ทรงทำลายกำแพงแห่งความสูงส่งทั้งมวลอย่างราบคาบเหลือเพียงความรักความผูกพันระหว่าง "แม่" กับ "ลูก" ที่ไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้น



             ความรักความเอื้ออาทรที่แม่คนหนึ่งได้มอบให้ลูกหลายสิบล้านคนอย่างเท่าเทียมไม่เอนเอียง ปลื้มปิติยินดีกับลูกที่ประสบความสำเร็จและพยายามบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ลูก ๆ ที่ยังได้รับความทุกข์ยากด้วย พระราชอัจฉริยภาพอันปราดเปรื่อง ดั่งสายฝนที่โปรยความชุ่มชื่นให้แก่แผ่นดินที่แห้งแล้งให้กับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง พระองค์ทรงเป็น "แม่หลวง" เป็น "แม่ของแผ่นดิน" ที่ลูก ๆ กว่าหกสิบล้านคนเคารพรักและภักดีอย่างไม่มีวันเสื่อมคลายไปจากหัวใจของชาวไทยทุกดวง



             "ซาบซึ้งใน  พระองค์    ทรงก่อเกื้อ
             ใต้จดเหนือ    เสด็จเยือน    เลือนทุกข์เข็ญ
             เคยกันดาร    พลันชื่นฉ่ำ    คลายลำเค็ญ
             พระทรงเป็น "แม่หลวง"    ของปวงชน"



เรียงความวันแม่แห่งชาติ ตัวอย่างการเขียนเรียงความวันแม่


ที่มา : http://education.kapook.com/view65179.html

หอมแผ่นดิน ตอน...เกษตร อินดี้

หอมแผ่นดิน ตอน...เกษตร อินดี้

เรื่องราวของชายที่ไกลบ้านไปขายแรงงานในต่­างประเทศ วิชัย ใต้ระหัน แต่ด้วยความรักในการเกษตรจึงกลับมาบ้าน ทุกวันนี้ลุงวิชัยหอบความรู้ด้านภาษามาสอน­เด็กๆในหมู่บ้านพร้อมกับทำการเกษตรพอเพียงวิชัยเริ่มต้นจากการทำนาอินทรีย์ เลี้ยงหมู ทำโรงสี และมาเริ่มใหม่อีกครั้งกับการทำผักอินทรีย­์ ผักที่เขาคาดหวังว่าจะเป็นทางที่ใช้ในช่วง­บั้นปลายชีวิต



   ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=xEa4f1o9qA0

วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

หอมแผ่นดิน ตอน...หัวใจไร้สาร

หอมแผ่นดิน ตอน...หัวใจไร้สาร
คนกลุ่มเล็กๆ ในชุมชนบ้านฝั่งคลอง ตำบลบ้านหลวง อำเภอดอนตูม จังหวัดนครปฐม รวมตัวกันปลูกผักอินทรีย์ 
"ถ้าดินตาย น้ำตาย ธรรมชาติขาดความอุดมสมบูรณ์ นั่นหมายถึงว่า ชีวิตการเกษตรของพี่น้องประชาชนจะอยู่ไม่ไ­ด้" 
จำปี เล็กมาบแค และเพื่อนบ้านหันมาทำเกษตรอินทรีย์ เพราะการเรียนร็ ดูงาน ทำให้รู้ว่าเกษตรอินทรีย์ เป็นทางเลือกที่ยั่งยืน 
"การทำเกษตรอินทรีย์ มันไม่ได้ยากเกินความสามารถเลย เเต่มันต้องมีความขยัน ความอดทน ซึ่งเราเองก็ได้รวมกัน พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเกษตรอินทรีย์มันสา­มารถทำได้ มันอยู่ได้ ทำได้จริง อยู่ได้จริง



ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=zeUql2ym4pI

โครงการ "ครึ่งไร่คลายจน" ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง

โครงการครึ่งไร่คลายจน ของนายอำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นแรงจูงใจในการใช้ที่ดินรอบๆบ้านพั­กของตนเองซึ่งเป็นดินลูกรัง มาทำการเกษตรผสมผสาน เพื่อเป็นครัวเรือนต้นแบบให้กับชุมชนต่างๆ­ในอำเภอ


 ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=gy5Qahx6IgI

เศรษฐกิจพอเพียง

1.ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง คือ อะไร
         เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวทางการดำรงชีวิต และปฏิบัติตนของประชาชนทุกระดับตั้งแต่
ครอบครัว ชุมชน จนถึงระดับรัฐทั้งในการดำรงชีวิตประจำวัน การพัฒนาและบริหารประเทศ ให้ดำเนิน
ไปใน ทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้ก้าวหน้าต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก

2.เศรษฐกิจพอเพียงเป็นอย่างไร
         เศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง เศรษฐกิจที่สามารถอุ้มชูตัวเองได้
ให้มีความพอเพียงกับตัวเอง (Self Sufficiency) อยู่ได้โดยไม่สร้าง
ความเดือดร้อนให้ตนเอง และผู้อื่น ซึ่งต้องสร้างพื้นฐาน
ทางเศรษฐกิจของตนเองให้ดีเสียก่อนมีความพอกินพอใช้สามารถ
พึ่งพาตนเองได้ ย่อมสามารถ สร้างความเจริญก้าวหน้าและ
ฐานะทางเศรษฐกิจของประเทศได้
3.ใครที่สามารถนำเศรษฐกิจพอเพียงไปปฏิบัติได
        เศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวปรัชญาที่ทุกๆ คน สามารถนำไปปฏิบัติ
ในชีวิตประจำวันได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวท่านเอง นักเรียน เกษตรกร ข้าราชการ
และประชาชนทั่วไป ตลอดจนบริษัท ห้างร้าน สถาบันต่างๆ ทั้งนอกภาค
การเกษตรและในภาคการเกษตร สามารถนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ดังกล่าวไปปฏิบัติ เพื่อดำรงชีวิตและพัฒนาธุรกิจการค้าได้จริง
4.หลักการดำเนินชีวิตตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงต้องคำนึง
ถึงอะไรบ้าง
        การดำเนินชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของ
ทางสายกลาง และความไม่ประมาท โดยคำนึงถึงหลักการ 3 ประการ ดังนี้
          1.ความพอประมาณ
          2.ความมีเหตุผล
          3.การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว
       โดยการดำเนินงานเศรษฐกิจพอเพียงที่ดีจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข ความรู้ และคุณธรรม
ตลอดจนต้องเป็นคนดี มีความอดทน พากเพียร
        ความพอประมาณ
 หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับการดำรงชีวิต การดำเนินธุรกิจอย่าง
พอเพียงตามความสามารถ และศักยภาพของตนที่มีอยู่ และต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผลที่เหมาะสม
ตลอดจนพึงนึกถึงผลที่จะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้นๆ
        การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว
 เป็นการเตรียมความพร้อม ความรู้ ที่จะรับผลกระทบ และ
การเปลี่ยนแปลงต่างๆที่จะเกิดขึ้นโดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลง
การปฏิบัติตนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
ท่านสามารถมีส่วนร่วมในการปฏิบัติตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงโดยร่วมปฏิบัติในสิ่งง่ายดังนี้
      1.ยึดหลักประหยัด ตัดทอนค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในทุกด้าน ลด ละ ความฟุ่มเฟื่อยในการดำรงชีวิต
      2.ประกอบอาชีพด้วยความถูกต้อง สุจริต แม้จะตกอยู่ในภาวะขาดแคลนในการดำรงชีพ
      3.ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ที่รุนแรงและไม่ถูกต้อง
      4.ไม่หยุดนิ่งที่จะหาทางให้ชีวิตหลุดพ้นจากความทุกข์ โดยขวนขวายหาความรู้ ให้เกิดรายได้เพิ่มพูน
        จนถึงขั้นพอเพียง
      5.ปฏิบัติตนในแนวทางที่ดี ลดละสิ่งชั่วร้ายให้หมดสิ้นไป
5.การดำเนินชีวิตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงจะเกิดผลอย่างไร
การดำเนินการพัฒนาตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจักนำไปสู่
      1.การดำรงชีวิตที่สมดุลมีความสุขตามอัตภาพ
      2.การพัฒนาเศรษฐกิจของตนเองและประเทศชาติมั่นคง
      3.การอยู่ร่วมกันในสังคมเกิดวามเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน
       นอกจากนี้ ปรัญชาของเศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้ปฏิเสธการเป็นหนี้สิน การกู้ยืมเงิน
แต่เน้นการบริหารความเสี่ยง คือ แม้ว่าจะกู้ยืมเงินมาลงทุน ก็เพื่อดำเนินกิจการที่ไม่ก่อให้เกิด
ความเสี่ยงมากจนเกินไปแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้ห้ามไม่ให้ลงทุนหรือขยายธุรกิจ
แต่เน้นให้ทำธุรกิจที่ไม่ให้เสี่ยงมากเกินไปควรลงทุนให้เหมาะสมกับธุรกิจของตนเอง

ที่มา:http://www.fisheries.go.th/cf-kung_krabaen/kkb5.html

ซอฟแวร์

Software หมายถึง โปรแกรมหรือชุดคำสั่ง ทำหน้าที่สั่งการ ควบคุมการ ประมวลผลอุปรกรณ์คอมพิวเตอร์ ในส่วนที่เรียกว่า ฮาร์ดแวร์ แม้ว่าจะมีความเร็วสูงในการทำงาน
 มีหน่วยความจำสูง และมีอุปรกรณ์ประกอบมากมาย แต่อาร์ดแวร์ทำงานไม่ได้ ถ้าไม่มีชุดคำสั่งควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟท์แวร์หรือชุดคำสั่ง แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือโปรแกรมระบบ และโปแกรมประยุกต์
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ซอฟแวร์
1. โปรแกรมระบบ (system Soltware) ทำหน้าที่ทำงานที่ควบคุมการทำงานของฮาร์ดแวร์จำแนกออกเป็น 2 ประเภท คือ
1.1 โปรแกรมระบบปฎิบัติการ (Operating System) ประกอบด้วยโปรแกรมการทำงานย่อยๆ ทำหน้าที่ต่างๆ กันระบบปฎิบัตการที่ใช้กันกว้างขวาง คือ Windows XP ,Windows Vista
Linux
1.2 โปรแกรมแปลภาษา (Language Translators) เป็นโปรแกรมประยุกต์ที่ผู้ใช้เขียนขึ้นด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ เช่น ภาษาสิก
 โคบอล ฟอร์แทรน โปรแกรมประยุกต์ที่นำเข้ามาสู่หน่วยจำด้วยภาษาที่เขียนขึ้นเราเรียกว่า Source Program ซึ่งเป็นภาษาเครื่องเราเรียกว่า Object Program หรือ Machine Language
โปรแกรมแปลภาษแต่ละตัวจะทำหน้าที่ต่างกันและจะแปลได้ภาษาใดภาษหนึ่งเท่านั้น เช่น โปรแกรมภาษาโคบอลก็จะแปลเฉพาะภาษาโคบอลเท่านั้น โปแกรมภาษาฟอร์แทน ก็จะแปลได้แต่ภาษาฟอร์แทนเท่านั้น
เป็นโปรแกรมที่บริษัทผู้ผลิต เครื่องคอมพิวเตอร์ หรือหน่วยงานคอมพิวเตอร์จัดทำขึ้นสำหรับการที่จะช่วยการประมวลผล ที่ทำหน้าที่ประจำโปรแกรมดังกล่าวนี้ ประกอบด้วย
โปรแกรมต่าง ๆ ทำหน้าที่เฉพาะงาน เช่น
   1.1.1 Text - Editing Program เป็นโปรแกรมที่ทำหน้าที่เพื่อเตรียมข้อมูลหรือโปแกรม เข้าสู่ระบบ การเพิ่มแก้ไขหรือการย่าย หรือลบทิ้ง
   1.1.2 Diagnostic Program ทำหน้าที่ตรวจสอบข้อพกพร่องของโปแกรมและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์
   1.1.3 Peripheral Interchange Program ช่วยจัดย้ายแฟ้มงานข้อมมูลจากสื่อชนิดหนึ่งไปยังสื่ออีกชนิดหนึ่ง เช่น ย้ายข้อมูลในเทปแม่เหล็กไปเก็บไว้ในจานแม่เหล็ก VCD,DVD และอื่นๆ
   1.1.4.Sort/Merge Program ช่วยงานจัดลำดับข้อมูลตามลำดับอักษรหรือลำดับเลขและช่วยงานรวมแฟ้มข้อมูงต่างๆ เข้ามาเก็บไว้ในแฟ้มข้อมูลเดียวกัน
    โปแกรมประยุกต์ คือชุดคำสั่งที่เขียนขึ้นด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ เช่นภาษาเบสิก โคบอล ฟอร์แทรน เพื่อให้คอมพิวเตอร์ประมวลผลตามคาสมต้องการโปแกรมเหล่านี้ผู้ใช้เขียนเอง สำหรับทำงานเฉพาะอย่าง ในขณะเดียวกัน
มีซอฟแวร์จัดทำขึ้นจำหน่วย  เรียกว่า  โปหแรมสำเส็จรูป (Package Program) ผู้ใช้งานสามารถนำมาใช้งานได้เลย เช่นโปแรกม CDS/ISIS
 ซึ่งโปแกรมสำหรับจัดเก็บและสืบค้นสารสนเทศ  โปแกรมSAS,ABSTAT,SPSS,Microsoft Office ปัจจุบันมีโปแกรมสำเส็จรูปจำนวนมาก ไมโครคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ ทำให้การใช้งานทำได้กว้างขวางขึ้น การเรียนรู้ง่ายและสะดวก
                  อย่างไรก็ตาม โปแกรมสำเร็จรูปก็ไม่สนองตอบความต้องการของผู้ใข้ได้ทุกอย่างบางครั้งจำเป็นต้องเขียนโปแกรมขึ้นมาใช้เอง ก็ต้องศึกษาวิธีการเขียนโปแกรม  และต้องแน่ใจว่าเครื่องคอมพิวเตอร์มีตัวแปลภาษา ทำหน้าที่แปลคำสั่งให้เป็นภาษาเครื่องได้

 ภาษาเครื่องคอมพิวเตอร์แบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่ม
  1.ภาษาเครื่อง ประกอบด้วยกลุ่มเลขฐานสอง ซึ่งเป็นภาษาเดียวที่เครื่องสามารถรับรู้และนำไปปฎิบัติได้ทันที  ในระยะเริ่มแรกปผู้ใช้จะต้องเรียนรู้ภาษาเครื่อง จึงจะสามารถเขียนคำสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้ และการใช้ภาษา
เครื่องจำเป็นต้องเรียนรู้และเข้าใจอย่างลึกซึง จึงนับว่าเป็นความยากลำบากอย่างมากและไม่สะดวกที่จะใช้งาน จึงมีผู้พัฒนาภาษาให้มีความสะดวกมากขึ้น
  2. ภาษาระดับต่ำ เป็นภาษาที่ใกล้เคียงกับภาษาเครื่อง แต่ทำให้กระซับกว่า โดยผู้ใช้ตัวอักษรแทนเลขฐาน สอง ทำให้ผู้ผู้เขียนชุดคำสั่งสะดวกมากขึ้น เมื่อคอมพิวเตอร์รับคำสั่งภาษาแอสแซบบลีก็จะแปลให้เป็นภาษาที่เรียกว่า แอสแซมเบอล (Assemlier)
เพื่อแปลคำสั่งให้เป็นภาษาเครื่องแม้ว่าผู้ใช้งานจะเข้าใจหรือไม่ก็ตามกับภาษาเครื่อง แต่ยังคงมีความไม่สะดวกเพราะพัฒนามาจากภาษาเครื่อง
 3. ภาษาระดับสูงเป็นภาษาที่ออกแบบให้ใกล้เคียงกับภาษามนุษย์จึงทำให้ผู้ใช้งานได้เข้าใจง่ายกว่าภาษาคอมพิวเตอร์ 2 กลุ่ม ที่กล่าวมา โดยบไม่คำนึงถึงรายละเอียดในระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ไม่มากนักไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐาน
เกี่ยวกับภาษาเครื่อง ภาษาระดับสูงนี้สามารถนำไปใช้งานกับคอมพิวเตอร์ในระบบอื่นได้  นับว่าเป็นภาษาที่สะดวกแก่การใช้งานมากขึ้น แต่ละภาษามีจุดเด่นต่างกัน ต้องมีการพิจารณาเป็นพิเศษ ตัวอย่างเช่น
 - FORTRAN เป็นภาษาที่มีความสามารถในการคำนาณสูงมาก เหมาะสำหรับงานวิทยาศาสตร์ วิศวกรรม
 - COBOL เหมาพสำหรับการใช้งานทางด้สนธุรกิจการบัญชีการธนาคาร ความสามารถในการจัดการกับแฟ้มข้อมูลจำนวณมาก
 - BASIC เป็นภาษษคอมพิวเตอร์ที่สร้างขึ้นให้มีลักษณธที่ใช้งานง่าย ศึกษาได้ง่ายผู้ใช้สามารถตอบกับเครื่องในโปรแกรมและเหมาะแก่แารใช้งานทางธุรกิจ วิทยาศาสตร์ แต่ภาษาเบสิกยังจัดได้ว่าใหช้งานได้ไม่ดีนัก ส่วนใหญ่ใช้ในไมดครคอมพิวเตอร์
 - PACAL เป็นภาษาที่พัฒนามาจากโปรแกรมโครงสร้าง แต่จัดอยู่นะดับปลานกลางเพราะ การจัดการข้อมลูไม่ได้มาก
 นอกจากที่กล่าวมาแล้วยังมีภาษาระดับสูงอีกเช่น ALGOL,ADA,ALP,PROLOG,C เป็นต้น
 โครงสร้างข้อมูล (DATA Structure) ข้อมูลที่ใช้ในการประมวลผลมีรายละเอียดดังนี้
 1.บิท(Bit) เป็นหน่วยข้อมูลที่เล็กที่สุดในคอมพิวเตอร์ ย่อมาจาก Binary digit หมายถึงเลขฐานสองที่มีค่า 0หรือ 1ดังนั้นในแต่ละบิทจึงแทนค่าได้เพียงสองสภาวะ หรือถ้าแทนตัวอักษรจะได้เพียง สองตัวอักษรเท่านั้น
เช่น 0=a,1=b
 2.ไบต์ (Byte)หมายถึง หน่วยข้อมูลกลุ่มหนึ่งที่ใช้แทนตัวอักษร (Character) หนึ่งตัวหรือหนึ่งไบต์เช่น A=0110001,B=011000010
 ไบต์ เป็นหน่วยข้อมมูลที่มีขนาดใหญ่กว่าบิทและใช้บอกขนาดความจุในการเก็บข้อมมูลในคอมพิวเตอร์โดยมีหน่วยเรียดว่า ดังนี้
     8 Bit      =    1 Byte
 1,024 Byte     =    1 Kilobyte
 1,024 Kilobyte =    1 Megabyte
 1,024 Megabyte =    1 Gigabyte
 - ตัวอักษร (Charater)หมายถึงสัญลักษณ์ ที่ใช้ในการประเมินผล เช่น 0-9,a-z'ก-ฮ และเครื่องหมายอื่นๆ ซึ่งจะมีความหมายเช่นเดียวกับไบต์
 - คำ(Word)หมายถึง กลุ่มของไบต์ หรือหน่วยหลักของเขตข้อมูลที่ใช้ในหน่วยความจำหลักของข้อมูล เช่น24 Bits/word หรือ32 Bist/word
 - เขตข้อมมูล (Field)หมายถึง กลุ่มของไบต์หรือว่ากลุ่มตัวอักษร ที่มีขอบเขตเป็นพื้นที่เฉพาะอันใดอันหนึ่ง ในการบันทึกข้อมูลในแต่ละรายการ เช่น เขตข้อมูลในแต่ล่ะรายการ เช่น เขตข้อมูลของชื่อและนามสกุลหรือประวัติ
 - ระเบียบ (Recrod)หมายถึง ข้อมูลหนึ่งที่เป็นองค์ประกอบของแฟ้มข้อมมูลหรือกลุ่มของข้อมมูลชุดหนึ่ง หรือกลุ่มของเขตข้อมมูลที่ประกอบขึ้นเป็น Recrord
- แฟ้ม (File)หมายถึงชุดข้อมมูล ซึ่งประกอบไปด้วยไปด้วยกลุ่มของระเบียบที่มีวัตถุประสงค์  ในการปะเมินผลร่วมกัน เช่น แฟ้มข้อมมูลของนักศึกษาก็จะประกอบไปด้วยระเบียบของนักศึกษาทุกๆคน
- Vector หมายถึง Field ที่ตรงกันในแต่ล่ะ Recrord
- Array หมายถึง กลุ่มของ Vector ทั้งหมดใน Recrord
 1.3โปรแกรมอำนวจจความสะดวก (Utility Program)
 
ที่มา:http://www.comsimple.com/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C/137-software.html